ทัวร์ญี่ปุ่น ทัวร์เกาหลี ทัวร์ยุโรป ทัวรสิงคโปร์ ทัวร์ฮ่องกง Leelawadee Holiday 02 - 664 - 0022

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

นั่งนึกอยู่หลายวันเลยครับ เลือกไม่ถูกเลยจริงๆ ว่าจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ไหนต่อดี เพราะที่ประเทศญี่ปุ่นสถานที่ท่องเที่ยวเค้าเยอะจริงๆ ครับ ไม่แพ้เมืองไทยของเราเลย *0*
แต่ในที่สุดผมก็นึกออกครับสถานที่ต่อที่จะขอพาทุกท่านไปชมถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
แบบอันซีนของญี่ปุ่นอีกที่นึงเลยล่ะ  พร้อมกันแล้วใช่ไหม งั้นตามผมมาเลยคร้าบ


เจเปนแอลป์ หรือ เทือกเขาทาเทยามะ ( Tateyama ) เป็นเืทือกเขาที่มียอดภูเขาไฟทอดตัวกันยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ พาดผ่านศูนย์กลางของเกาะออนชู และเป็นที่ตั้งของ 3 ภูเขา ศักดิ์สิทธิ์ ของญีั่ปุ่นโบราณ คือ ฟูจิยามะ ฮากุซัง และ ทาเทยามะ ซึี่งถือว่าเป็นหลังคาของประเทศเลยทีเดียวเชียวล่ะ ส่วนที่มาของชื่อเทือกเขาเจเปนแอลป์ก็คือ เืิทือกเขาทาเทยามะ นั้น มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบ
กับเืทือกเขาแอลป์ทางยุโรป เพราะมีความสวยงาม และ ทิวทัศน์ที่สุดแสนจะบรรยาย


ไฮไลท์อีกจุดนึงของที่นี่ก็คือกำแพงหิมะ ที่กำแพงหิมะนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวไ้ด้เข้าชมแค่
ปีล่ะครั้งเท่้านั้น ตั้งแต่ช่วงเดือน เมษายน - พฤษภาคม หลายๆ ท่านอาจจะงง ว่าเอ๊ะนี่มันหน้าร้อนนี่
แต่ืำไมที่นี่ยังคงมีหิมะอยู่ ทั้งๆ ที่สถานที่อื่นน้ำแข็งหิมะละลายกันไปหมดแล้ว
ที่นี่จึงได้ชื่อว่าเป็นหิมะฤดูร้อน


กำแพงหิมะนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวบนยอดเขาสูงสุดของเืทือกเขาทาเทยามะ ชื่อว่ามุโรโดะ 
( Murodo ) ในช่วงฤดูใบไม้พลิของทุกๆ ปี จะเป็นช่วงเปิดทางหลวงซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
ในตลอดฤดูหนาว โดยจะใช้รถแทรกเตอร์เจาะไปตามถนน ทำให้เกิดกำแพงหิมะขนาดใหญ่
ที่มีความสูงกว่า 20 เมตร เลยทีเดียว กำแพงหิมะมีอีกชื่อนึงที่เรียกกันว่า " ยุกิ โนะ โอะทานิ "



โดยการเดินทางขึ้นสู่เจแปนแอลป์นั้น โดยปกติจะแบ่งออกเป็น 2 จุด ด้วยกัน ก็ึิคือ
จุดที่ขึ้นกระเช้า และจุดที่สองคือลานรถบัส


จุดที่ 1 เราจะนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นเขาไปประมาณ 7 นาที ก็จะถึงจุดที่ 2 ซึ่งเป็นลานจอดรถบัส





ระหว่างทางขึ้น




อ่อ . . ลืมบอกไป ระหว่างทางขึ้นเพื่อไปชมไฮไลท์ของที่นี่นอกจากจะมีกำแพงน้ำแข็งแล้ว 
ก็ยังมีต้นสนอายุ 300 ปี อยู่ด้วยนะ ว้าว . . .





เย้ !! ในที่สุด เราก็ขึ้นมาถึงจนได้ โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที
วันนี้ก็ขอลาทุกท่านไปพร้อมกับภาพบรรยากาศรอบๆเจแปนแอลป์แล้วกันนะครับ
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะจ๊ะ : )









วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

กลับมาแล้วคร้าบ หลังจากที่เรารีวิวเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศสิงคโปร์กันไปเยอะแล้ว
วันนี้ก็เลยอยากจะขอเปลี่ยนบรรยากาศ พาทุกๆท่านข้ามฝากไปชม ประเทศที่มีเอกลักษณ์
ทางด้านวัฒนธรรมที่ค่อนข้างโดดเด่น และคือว่าเป็นประเทศอันดับหนึ่งที่มีคนไทยนิยมไปท่องเที่ยวมากที่สุดในแถบเอเชีย นั่นก็คือ ประเทศญี่ปุ่น นั่นเองครับ จริงๆแล้ว ประเทศญี่ปุ่นมี
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายเลยครับ และวันนี้สถานที่แรกที่ผมจะขอพาทุกๆท่านไปชมก็คือ
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ อยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่าหมู่บ้านนี้มันมีดีอะไร ตามผมมาเลยคร้าบ


หมู่บ้านชิราคาวาโกะ  ( Shirakawa - go )
หมู่บ้านชิราคาวา ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นอีกที่นึงครับ แถมหมู่บ้านนี้
ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ ยูเนสโก ในปี 1995 อีกด้วยนะ
หมู่บ้านชิราคาวา ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟฟุ อยู่ทางตอนกลางของญี่ปุ่น อยู่ในเขตเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
และอยู่ห่างจากเมืองทาคายาม่า ประมาณ 50 กิโลเมตร


หมู่บ้านชิราคาวาเป็นบ้านของชาวนาในสมัยโบราณมีอายุมากกว่า 250 ปี และเป็นบ้าน
แบบสไตล์กัสโซสิคุริ ( Gassho - zukuri ) เป็นสไตล์บ้านญี่ปุ่นแบบดั่งเดิมโดยจะมี
ลักษณะโดดเด่้นของบ้านสไตล์นี้ก็คือตัวบ้านจะทำด้วยไม้ และหลังคาจะถูกปุด้วยหญ้าแฝก
แถมตัวบ้านสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว โอ้โห!!


คำว่า " กัสโซ " ซึ่งแปลว่า พนมมือ ด้วยการที่หลังคาของบ้านมีความชันถึง 60 องศา
และมีลักษณะคล้ายมือ 2 มือ ที่พนมเข้าหากัน ที่ต้องทำให้หลังคาชั้นขนาดนี้เพื่อทำให้
หิมะไหลลงได้ง่ายเพื่อป้องกันการทับถมของหิมะเมื่อเวลาที่มีหิมะตกหนัก โดยตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และกว้าง 10 เมตร อุปกรณ์ในการสร้างต่างๆ ล้วนแต่มาจากวัสดุธรรมชาติทั้งสิ้น
อย่างต้นหญ้าที่ปลุกไว้เพื่อนำมาใช้มุงเป็นหลังคา

และจุดที่น่าสนใจของหมู่บ้่านนี้คือเราสามารถพักค้างคืนที่นี่ได้ด้วยนะ ว้าว โดยจะมีบ้านหลายๆหลัง
ที่เปิดให้เป็นที่พักในแบบที่เรียกว่า Minshuku หน้าตาของที่พักแบบ Minshuku ก็จะเป็นแบบนี้


โดยจะมีที่พักแบบ Ogimachi จะเป็นที่พักที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ



พาทุกท่านๆเดินดูบรรยากาศเรียบง่ายรอบๆหมู่บ้าน




อันนี้เป็นจุดชมวิว Shiroyama 
ตรงนี้เหมาะมากในการที่จะชมภาพมุมกว้างของหมู่บ้าน แต่ต้องเดินขึ้นเขาไปสูงพอสมควร



ถึงแล้ว !! นอกจากจะได้ชมความสวยงามของเทือกเขาเจเปนแอลป์แล้ว 
ยังได้วิวที่สวยงามของฤดูต่างๆอีกด้วยนะ


บรรกาศเรียบง่ายภายในหมู่บ้าน



ทุกวันนี้หมุ่บ้านชิราคาวาโกะ บ้านทั้ง 59 หลัง บ้านบางหลังยังคงมีชาวบ้านอาศัยอยู่ ผมพุดไปก็คงไม่เห็นภาพ ต้องเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวท่านเอง 

วันนี้ผมก็ขอจบรีวิวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ
แล้วพบกันใหม่กับรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศญี่ปุ่น คอยติดตามด้วยกันนะครับ


ref: www.rwsentosa.com


      www.leelawadeeholiday.com


วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554


สถานที่ต่อไปที่จะพาทุกท่านมาเที่ยว ก็เป็นอีกสถานที่นึงครับที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยม
เป็นอย่างมาก สถานที่นี้เค้ามีดีอะไีีีรตามผมมาเลยคร้าบ




น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง ( Fountain of Wealth )
ตั้งอยู่ที่บริเวณใจกลางของกลุ่มอาคาร Suntec City ซึ่ง Suntec City นั้นจะมีด้วยกันทั้งหมด 
5 อาคาร ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยแต่ละอาคารจะถูกแทนด้วยนิ้วมือนิ้วต่างๆ ไล่ไปตั้งแต่นิ้วโป้ง จนถึงนิ้วก้อย โดยตัวน้ำพุนั้นจะเปรียบเสมือนฝ่ามือ จะเป็นในลักษณะของฝ่ามือหงายขึ้นนั่นเอง โดยเชื่อกัน
ว่าน้ำที่ไหลจากน้ำพุเปรียบเสมือนกับเงินทองที่ไหลเข้าฝ่ามืออย่างไม่หยุดหย่อน เรียกได้ว่าเป็น
สถานที่ที่ถูกหลักฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดของโลกที่นึงเลยทีเดียวเชียวนะ


Fountain of Wealth ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2540 ( ค.ศ.1970 ) โดยกลุ่มนักลงทุนจากฮ่องกง
และได้รับการบันทึกลง Guinness Book ว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยเชียวนะ ว้าว !! โดยตัวน้ำพุนี้มีความสูงถึง 13 เมตร แถมยังสามารถ พ่นน้ำได้สูงถึง 30 เมตร เลยนะ โอ้โห 
นอกจากนี้ยังมีการแสดงน้ำุพุประกอบแสง สี เสียง 3D Laser


น้ำพุแห่งความมั่งคั่งนี้นอกจากจะเปิดให้นักท่้องเที่ยวชมแล้ว ก็ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้า
ไปสัมผัสน้ำุพุได้อีกด้วย โดยเชื่อกันว่า ใครได้สัมผัสน้ำพุจะได้รับความโชคดีและความมั่งคั่งในทรัพย์สินตามมา


โดยวิธีการสัมผัสน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง ก็คือให้เราใช้มือขวาสัมผัสน้ำและอธิฐาน หลังจากนั้นเดินวน
ตามเข็มนาฬิกาให้ครบ 3 รอบ และคำอธิฐานก็จะเป็นผล อันนี้เค้าว่ากันมาน้า สำเร็จรึเปล่าอันนี้ต้อง
ลองพิสูจน์กันดูนะจ๊ะ อ่อ สถานที่นี้สามารถสร้างโชคลาภให้กับทั้ง 12 ราศี เลยน้า ถ้าเราลองเดินขึ้น
ไปบริเวณทางเดิน วงรอบด้านบน จะมีภาพสัญลักษณ์ของทั้ง 12 ราศี ล้อมรอบอยู่ด้วย และ
แต่ละราศีก็จะอยู่ในตำแหน่งองศาทิศของมันเองด้วยล่ะ


สำหรับตารางเวลาในการแสดงจะแบ่งออกเป็นรอบๆ


เปิดให้สัมผัสน้ำพุ
09.00 - 12.00
14.30 - 18.00
19.00 - 19.45
21.30 - 22.00


การแสดงเลเซอร์โชว์
20.00 , 20.30 , 21.00 ( มีแค่ 3 รอบเท่านั้น )